ถึงแม้ว่าในขณะนี้เมืองไทยเรามีการพัฒนาในด้านอุตสาหกรรมก้าวหน้าไปกว่าแต่ก่อนอย่างมาก แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เรายังมองข้าม คือความสนใจในการพัฒนานำเครื่องทุ่นแรง
(Material Handling) มาใช้ประโยชน์ยังมีอยู่น้อย
(Material Handling) มาใช้ประโยชน์ยังมีอยู่น้อย
ความจริงแล้วหากมีการนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับงานจะทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างมาก สามารถประหยัดเนื้อที่โกดังเก็บสินค้าและวัตถุดิบเป็นการพยายามใช้ประโยชน์ตามแนวตั้งให้มากขึ้น ประหยัดค่าใช้จ่ายและแรงงานได้ รถยกนับได้ว่าเป็นหนึ่งในเครื่องทุ่นแรงที่ใช้ประโยชน์กันได้แทบทุกโรงงาน ซึ่งความจริงแล้วมีให้เลือกใช้งานหลายรูปแบบหากจะแบ่งเป็นชนิดใหญ่ๆ ก็แบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ
รถยกระดับต่ำ แบบที่นิยมใช้กันมากเรียกว่า Pallet Truck ซึ่งมีลักษณะเป็น 2 งายกมีล้อเล็กๆ อยู่ที่ส่วนปลายของงายกซึ่งสามารถยกให้สูงขึ้นจากพื้นเล็กน้อย เมื่อต้องการยกของแล้วลากไปหรือหดให้ต่ำลงในขณะที่ต้องการจะช้อนของขึ้น โดยอาศัยระบบไฮดรอลิกในการผ่อนกำลังขณะยก ล้อหลังเป็นล้อคู่ใหญ่ ซึ่งบังคับเลี้ยวได้ด้วย มีคั้นโยกเพื่อบังคับปั้มไฮครอลิกให้ยกของขึ้น-ลง และใช้ลากจูงพร้อมทั้งบังคับเลี้ยวไปได้ในตัว
รถ Pallet Truck นี้นับได้ว่าเป็นรถยกที่มีราคาถูกที่สุด จึงมีผู้นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายเกือบทุกโรงงาน อย่างไรก็ตามผู้ผลิตรถ Pallet Truck ก็ได้พยายามคิดค้นปรับปรุงคุณภาพของรถยกให้เหมาะสมกับการใช้งานลักษณะต่างๆ เช่น มีการพัฒนาล้อหน้าที่เป็นงายก ซึ่งปกติเป็นล้อเดี่ยว อาจมีปัญหาในการใช้งานตามพื้นที่ที่ขรุขระหรือการลากขึ้นเนินมีการดัดแปลงเป็นล้อคู่ ทำให้ลากผ่านพื้นที่ขรุขระได้อย่างสะดวก อีกทั้งเป็นการเฉลี่ยน้ำหนักที่ถ่ายลงพื้นอีกด้วย เพราะมีจุดถ่ายน้ำหนักเพิ่มเป็น 6 จุด
นอกจากนี้แล้ววัสดุที่ใช้ทำล้อยังมีหลายชนิด เช่น เป็นล้อไนล่อน (Nylon) เหมาะกับพื้นที่แข็งและเรียบ เพราะล้อไนล่อนจะสึกหรอได้ยากแต่ลื่นทำให้เบาแรงแต่ถ้าจะลากบนพื้นที่อ่อน เช่น พื้นไม้หรือต้องการไม่ให้เกิดเสียงดังในขณะลากผ่านก็จะใช้ล้อโพลียูรีเทน (Polyurethane) แต่ถ้าลากผ่านพื้นที่เป็นกรวดหรือขรุขระมากๆอาจจะทำลายล้อได้ง่าย ก็จะใช้ล้อเหล็กแทน
เนื่องจากสภาพในโรงงานต่างๆไม่เหมือนกัน บางโรงงานจะมีสภาพที่เปียกน้ำอยู่เสมอ บางโรงงานจะต้องอยู่ในบรรยากาศที่ร้อนหรือเย็นจัด หรืออยู่ในสภาพที่มีการกัดกร่อนมากกกว่าปกติ ดังนั้นการเลือกใช้รถยก Pallet Truck จำเป็นต้องเลือกชนิดที่ผู้ผลิตได้สร้างขึ้นเป็นพิเศษ เช่นแกนล้อเป็นสเตนเลส งายกทำด้วยเหล็กชุบสังกะสี นอกจากนี้แล้วเพื่อเหมาะกับการวางของหลายๆชิ้น ก็มีการสร้างรถยกที่เป็นพื้นเรียบใหญ่แทน ที่จะเป็นขา 2 ขาให้เลือกใช้อีกด้วย เป็นต้น
เพื่อจะเป็นการผ่อนแรงสำหรับการปฏิบัติงานของพนักงานที่ต้องการลากของหนักๆ ก็มีการพัฒนารถยก Pallet Truck แบบติดตั้งมอเตอร์ช่วยผ่อนแรงโดยมีแบตเตอรี่เป็นแหล่งพลังงานทำให้สามารถยกและลากของหนักได้ถึง 3 ตัน
2. รถยกระดับสูง (High Lift Trucks) รถยกแบบนี้เป็นเครื่องทุ่นแรงซึ่งนอกจะใช้เคลื่อนที่ของหนักไปตามพื้นที่ราบแล้ว ยังใช้ยกของขึ้นวางบนหอที่อยู่สูงได้ นับเป็นเครื่องทุ่นแรงที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บสินค้า และวัตถุดิบในโกดังให้เป็นระเบียบเรียบร้อย และประหยัดพื้นที่ได้อย่างสูงมาก ด้วยเครื่องทุ่นแรงนี้สินค้าหรือวัตถุดิบจะวางบนกระบะไม้ รถจะยกช้อนทั้งกระบะไปวางบนหิ้งหรือถ้าสินค้ามีภาชนะบรรจุที่รับน้ำหนักได้ เช่น เป็นถัง ก็อาจจะไม่จำเป็นต้องมีหิ้งแต่จะใช้วิธีช้อนกระบะขึ้นไปก็ได้
รถยกระดับสูงนี้มีผู้ผลิตสร้างขึ้นมาหลายรูปแบบ เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานของลูกค้าโดยพยายามให้ตัวรถมีขนาดเล็ก มีความคล่องตัวในการหมุนกลับตัว เพื่อจะไปแทรกตัวเข้าไปในช่องทางเดินระหว่างชั้นเก็บของได้สะดวก ทำให้ไม่ต้องเผื่อที่กว้างนักจะได้จัดโกดังได้ประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีการคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานอีกด้วย จึงได้เกิดรถยกระดับสูงหลายรูปแบบซึ่งจะขอยกตัวอย่าง 3 รูปแบบในที่นี้
6-8 กม./ชม
รถยกแบบนี้จึงเหมาะสมกับงานที่ต้องการความปลอดภัยและต้องมีการยกขึ้นลงบ่อยๆมีการเคลื่อนที่ไม่ไกลนัก
ในกรณีที่ต้องมีการเคลื่อนย้ายไประยะไกลขึ้นหรือต้องการทำงานติดต่อกันตลอดทั้งวัน จำเป็นต้องอำนวยความสะดวกแก่ผู้ปฏิบัติงานเพิ่มขึ้น คือ ทำที่นั่งให้ภายในตัวรถ ซึ่งจะทำให้กินเนื้อที่มากกว่าแบบยืนเล็กน้อย รถชนิดนี้จะแปลกสักหน่อยที่ผู้ปฏิบัติงานจะนั่งหันข้างให้กับการเคลื่อนที่ ทั้งนี้ต้องออกแบบให้กะทัดรันที่สุด รถประเภทนี้มีอุปกรณ์ต่างๆ เหมือนกับรถขับ มีคันเร่ง มีเบรกที่บังคับด้วยเท้า ความเร็วในขณะเคลื่อนที่ประมาณ 8-12 กม./ชม. ผู้ปฏิบัติงานจะได้รับการป้องกันด้วยเสารอบด้าน และหลังคาด้านบน
จากรูป เมื่อเปรียบเทียบจะได้ตามตาราง
รายการเปรียบเทียบรถโฟล์คลิฟท์
รายการเปรียบเทียบ
|
Counterbalance
|
1 Deep Reach Truck
|
2 Deep Reach Truck
|
VNA
|
ความกว้างเลนรถวิ่ง (เมตร)
|
4.5
|
3.2
|
3.4
|
1.8
|
ความสูงของรถที่สามารถยกได้ (เมตร)
|
4.5
|
11.5
|
11.5
|
16.5
|
% การใช้ปริมาตรคลังสินค้า
|
30
|
50-55
|
70
|
90
|
ราคารถ (ล้านบาท)
|
.70
|
1.5
|
1.8
|
4.3
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น