อุปกรณ์ป้องกันศีรษะ
ชนิดของหมวกนิรภัย
ชนิด I เป็นหมวกช่วยลดแรงกระแทก บริเวณศีรษะเท่านั้น
ชนิด II เป็นหมวกที่ช่วยลดแรงกระแทก บริเวณตรงกลางหรือด้านบนศีรษะ
ประเภทของหมวกนิรภัย
1.หมวกนิรภัย ชนิดClass G ลดอันตรายจากไฟฟ้าแรงต่ำ
และต้องต้านทานแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับ 2,200โวลต์ ที่ความถี่ 50 Hz เป็นเวลา 1 นาที
ค่าแรงกระแทกสูงสุดที่ส่งผ่านหมวกไม่เกิน 4,448 นิวตัน
และค่าเฉลี่ยกระแทกที่ส่งผ่านติ้งไม่เกิน 3,781 นิวตัน
ความต้านทานแรงเจาะ รอบเจาะที่เกิดขึ้นต้องลึกไม่เกิน 10 มม. ใช้ในการก่อสร้าง งานทั่วไป
2.หมวกนิรภัย ชนิด Class E –ลดอันตรายจากไฟฟ้าแรงสูง
ต้องต้านทานแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับได้ 20,000 โวลต์ ที่ความถี่ 50 Hzเป็นเวลา3นาที
ค่าแรงกระแทกสูงสุดที่ส่งผ่านหมวกไม่เกิน 4,448 นิวตัน
และค่าเฉลี่ยกระแทกที่ส่งผ่านติ้งไม่เกิน 3,781 นิวตัน
ความต้านทานแรงเจาะ รอบเจาะที่เกิดขึ้นต้องลึกไม่เกิน 10 มม. ใช้ในงานกันไฟฟ้าแรงสูง
3.หมวกนิรภัย ชนิด Class C –หมวกนิรภัยที่ไม่สามารถทนแรงดันไฟฟ้าได้ เนื่องจากเป็นโลหะ
ค่าแรงกระแทกสูงสุดที่ส่งผ่านหมวกไม่เกิน 4,448 นิวตัน
และค่าเฉลี่ยกระแทกที่ส่งผ่านติ้งไม่เกิน 3,781 นิวตัน
ความต้านทานแรงเจาะ รอบเจาะที่เกิดขึ้นต้องลึกไม่เกิน 10 มม. ใช้ในงานขุดเจาะน้ำมัน โรงกลั่นน้ำมัน แก๊ส
4.หมวกนิรภัย ชนิด Class D –หมวกนิรภัยที่สามารถทนความร้อนสูงได้
ทำด้วยพลาสติกหรือไฟเบอร์กลาส เม่อติดไฟแล้วต้องดับได้เอง
ค่าแรงกระแทกสูงสุดที่ส่งผ่านหมวกไม่เกิน 4,448 นิวตัน
และค่าเฉลี่ยกระแทกที่ส่งผ่านติ้งไม่เกิน 3,781 นิวตัน
ความต้านทานแรงเจาะ รอบเจาะที่เกิดขึ้นต้องลึกไม่เกิน 10 มม. ใช้ในงานดับเพลิง งานเหมือง
วิธีการดูแลรักษาหมวกนิรภัย
1.ควรตรวจสอบหมวกนิรภัยทุกครั้งก่อนใช้งาน
2.ไม่ควรนำหมวกนิรภัยที่มีรอยร้าว รอยถลอกมาใช้งาน
3.หลังจากการใช้งาน ควรทำความสะอาดหมวกนิรภัย
4.เก็บหมวกนิรภัยในสภาวะที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงแสงแดด
5.ไม่ควรใช้สารเคมีหรือสารละลายทำความสะอาด
6.อายุการใช้งานของหมวก 3-5 ปี
ชนิด I เป็นหมวกช่วยลดแรงกระแทก บริเวณศีรษะเท่านั้น
ชนิด II เป็นหมวกที่ช่วยลดแรงกระแทก บริเวณตรงกลางหรือด้านบนศีรษะ
ประเภทของหมวกนิรภัย
1.หมวกนิรภัย ชนิดClass G ลดอันตรายจากไฟฟ้าแรงต่ำ
และต้องต้านทานแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับ 2,200โวลต์ ที่ความถี่ 50 Hz เป็นเวลา 1 นาที
ค่าแรงกระแทกสูงสุดที่ส่งผ่านหมวกไม่เกิน 4,448 นิวตัน
และค่าเฉลี่ยกระแทกที่ส่งผ่านติ้งไม่เกิน 3,781 นิวตัน
ความต้านทานแรงเจาะ รอบเจาะที่เกิดขึ้นต้องลึกไม่เกิน 10 มม. ใช้ในการก่อสร้าง งานทั่วไป
2.หมวกนิรภัย ชนิด Class E –ลดอันตรายจากไฟฟ้าแรงสูง
ต้องต้านทานแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับได้ 20,000 โวลต์ ที่ความถี่ 50 Hzเป็นเวลา3นาที
ค่าแรงกระแทกสูงสุดที่ส่งผ่านหมวกไม่เกิน 4,448 นิวตัน
และค่าเฉลี่ยกระแทกที่ส่งผ่านติ้งไม่เกิน 3,781 นิวตัน
ความต้านทานแรงเจาะ รอบเจาะที่เกิดขึ้นต้องลึกไม่เกิน 10 มม. ใช้ในงานกันไฟฟ้าแรงสูง
3.หมวกนิรภัย ชนิด Class C –หมวกนิรภัยที่ไม่สามารถทนแรงดันไฟฟ้าได้ เนื่องจากเป็นโลหะ
ค่าแรงกระแทกสูงสุดที่ส่งผ่านหมวกไม่เกิน 4,448 นิวตัน
และค่าเฉลี่ยกระแทกที่ส่งผ่านติ้งไม่เกิน 3,781 นิวตัน
ความต้านทานแรงเจาะ รอบเจาะที่เกิดขึ้นต้องลึกไม่เกิน 10 มม. ใช้ในงานขุดเจาะน้ำมัน โรงกลั่นน้ำมัน แก๊ส
4.หมวกนิรภัย ชนิด Class D –หมวกนิรภัยที่สามารถทนความร้อนสูงได้
ทำด้วยพลาสติกหรือไฟเบอร์กลาส เม่อติดไฟแล้วต้องดับได้เอง
ค่าแรงกระแทกสูงสุดที่ส่งผ่านหมวกไม่เกิน 4,448 นิวตัน
และค่าเฉลี่ยกระแทกที่ส่งผ่านติ้งไม่เกิน 3,781 นิวตัน
ความต้านทานแรงเจาะ รอบเจาะที่เกิดขึ้นต้องลึกไม่เกิน 10 มม. ใช้ในงานดับเพลิง งานเหมือง
วิธีการดูแลรักษาหมวกนิรภัย
1.ควรตรวจสอบหมวกนิรภัยทุกครั้งก่อนใช้งาน
2.ไม่ควรนำหมวกนิรภัยที่มีรอยร้าว รอยถลอกมาใช้งาน
3.หลังจากการใช้งาน ควรทำความสะอาดหมวกนิรภัย
4.เก็บหมวกนิรภัยในสภาวะที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงแสงแดด
5.ไม่ควรใช้สารเคมีหรือสารละลายทำความสะอาด
6.อายุการใช้งานของหมวก 3-5 ปี
แว่นตา Polarized เป็นแว่นตาสำหรับกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกลางแจ้งซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดแสงจ้า และแสงสะท้อนได้ ดีกว่าแว่นกันแดดปกติทั่วไป แว่นตาชนิดนี้เป็นที่นิยมในกิจกรรมกลางแจ้งเช่น กีฬากอล์ฟ, สกี, ตกปลา, ขี่, ปีนเขา, ดูหิมะและอื่นๆ
วิธีการทำงานเลนส์ Polarized ?
เลนส์แว่นตา Polarized ออกแบบมาเพื่อลดผลของแสงจ้า (Glare)และแสงสะท้อน Reflect)โดยเฉพาะซึ่งแสง เหล่านี้เกิดจากเมื่อดวงอาทิตย์ส่องแสงลงมาสะท้อนออกกับพื้นผิวที่เป็นของแข็งหรือน้ำ เลนส์ Polarized ถูกออก แบบมาเพื่อกรองแสงที่มาทางแนวนอนทั้งด้านบนและแสงสะท้อนจากด้านล่าง โดยจะให้ผ่านเฉพาะแสงที่มาโดยตรง เท่านั้น ทำให้สามารถลดแสงที่จะเข้าสู่สายตาได้มากกว่าแว่นตากันแดดทั่วไป โดยเฉพาะในที่ที่มีแสงจ้าและแสง
สะท้อนมากๆ เช่นในกิจกรรมกลางแจ้ง ทำให้มองเห็นภาพได้อย่างสบายตา ถือได้ว่าเลนส์แว่นตาแบบนี้เป็นเลนส์ แว่นตาสุขภาพ และแนะนำให้ใส่สำหลับผู้มีปัญหาสายตาที่ไวต่อแสง หรือแพ้แสง
ทำไมราคาถึงสูงกว่าแว่นกันแดดทั่วไป ?
แว่นกันแดดเลนส์ Polarized แพงกว่าแว่นกันแดดทั่วๆไปเพราะตัวเลนส์มีการเสริมแผ่นฟิลม์ Polarized ขึ้นมาอีก ชั้นนึง เพื่อช่วยในการตัดแสงสะท้อน
การเลือกซื้อ
เมื่อวางเลนส์แว่นโพลาไรซ์ 2 อันมาวางซ้อนทับกัน แล้วค่อยๆบิดเลนส์อันบนหรืออันล่าง ให้ทำมุมกัน 90 องศา โดยแสงที่ผ่านจะค่อยๆมืดลงจนเป็นสีดำทึบ ( เมื่อเลนส์แว่นที่ซ้อนกันทำมุม 90 องศาต่อกัน) เป็นการยืนยัน
ว่าเป็นเลนส์โพลาไรซ์จริง
วิธีการทำงานเลนส์ Polarized ?
เลนส์แว่นตา Polarized ออกแบบมาเพื่อลดผลของแสงจ้า (Glare)และแสงสะท้อน Reflect)โดยเฉพาะซึ่งแสง เหล่านี้เกิดจากเมื่อดวงอาทิตย์ส่องแสงลงมาสะท้อนออกกับพื้นผิวที่เป็นของแข็งหรือน้ำ เลนส์ Polarized ถูกออก แบบมาเพื่อกรองแสงที่มาทางแนวนอนทั้งด้านบนและแสงสะท้อนจากด้านล่าง โดยจะให้ผ่านเฉพาะแสงที่มาโดยตรง เท่านั้น ทำให้สามารถลดแสงที่จะเข้าสู่สายตาได้มากกว่าแว่นตากันแดดทั่วไป โดยเฉพาะในที่ที่มีแสงจ้าและแสง
สะท้อนมากๆ เช่นในกิจกรรมกลางแจ้ง ทำให้มองเห็นภาพได้อย่างสบายตา ถือได้ว่าเลนส์แว่นตาแบบนี้เป็นเลนส์ แว่นตาสุขภาพ และแนะนำให้ใส่สำหลับผู้มีปัญหาสายตาที่ไวต่อแสง หรือแพ้แสง
ทำไมราคาถึงสูงกว่าแว่นกันแดดทั่วไป ?
แว่นกันแดดเลนส์ Polarized แพงกว่าแว่นกันแดดทั่วๆไปเพราะตัวเลนส์มีการเสริมแผ่นฟิลม์ Polarized ขึ้นมาอีก ชั้นนึง เพื่อช่วยในการตัดแสงสะท้อน
การเลือกซื้อ
เมื่อวางเลนส์แว่นโพลาไรซ์ 2 อันมาวางซ้อนทับกัน แล้วค่อยๆบิดเลนส์อันบนหรืออันล่าง ให้ทำมุมกัน 90 องศา โดยแสงที่ผ่านจะค่อยๆมืดลงจนเป็นสีดำทึบ ( เมื่อเลนส์แว่นที่ซ้อนกันทำมุม 90 องศาต่อกัน) เป็นการยืนยัน
ว่าเป็นเลนส์โพลาไรซ์จริง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น